วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

แม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่

แม่กำปอง บ้านน้อยในป่าใหญ่ ที่เขียวและเย็นตลอดปี


      ธรรมชาติมากล้น ผู้คนน้ำใจดี มากมีดอกเอื้องดิน สู่ถิ่นเมี่ยงชาและกาแฟ มียาแท้สมุนไพร ชื่นฉ่ำใจน้ำตกเย็น เห็นวิวทิวเขาสวย ร่มรื่นด้วยสวนสนบนม่อนล้าน … นี่คือสิ่งที่จะได้พบหากไปเยือน “บ้านแม่กำปอง” จังหวัดเชียงใหม่ หมู่บ้านกลางหุบเขาขนาดกะทัดรัดที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี อีกทั้งยังอุดมไปด้วยธรรมชาติและวิถีชีวิตของชุมชนที่แข็งแกร่งอยู่กับผืนป่าได้อย่างกลมกลืน



ที่นี่ 
มีโฮมสเตย์ 
มีความเงียบสงบ มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี 
มีเวลาที่เดินช้าสุดๆ มีความชิว 
มีน้ำตก มีจุดชมวิวสวยๆๆ
เอาง่ายๆๆคือมามาพักผ่อน ที่แบบไม่ต้องทำอะไรอะ กินเเล้วนอน 5555 
เอาปอดมาฟอกให้สดชื่นสักหน่อย 
แค่มาเดินเล่นๆให้หมาไล่ในหมู่บ้านก็คุ้มเเล้ว
สำหรับคนที่ชอบกาแฟ หรือเค้กมานี่มีให้กินแบบจุใจ
มีหลายๆๆร้านให้เลือก ลักษณะเด่นของที่นี้เลยคือ บ้านส่วนใหญ่จะติดกับลำธาร น้ำใสๆๆ ลงเล่นได้เลย บ้านเรือนจะแทรกตัวอย่างลงตัวกับธรรมชาติ 
น้ำมีตลอดทั้งปีนี่ผมไปตอนหน้าร้อนแต่ฝนตก อากาศตอนเช้าประมาณ 20 องศา นิดๆๆ 
อยากจะบอกว่าใครมีเวลาสักวันสองวันลองมาดู มันดีมาก ต้องลอง หมู่บ้านเค้ามีการบริหารจัดการดีมากที่พักทั้งหมดจะเป็นโฮมสเตย์ ประมาณ 20หลัง 
แนะนำให้ไปวันธรรมดาครับ คนจะน้อยเป็นพิเศษ พูดมากละ เหมือนเดิมนะครับกระทู้ของผมเน้นรูป ที่เหลือเชิญเสพครับ เน้นบรรยากาศ


  …  เริ่มแล้วมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมกระทู้ของผม ผมขอเป็นส่วนหนึ่ง ของนักเดินทาง ที่มาแชร์ประสบการ์ณเล่าสู่กันฟัง  ความฝันเล็กๆของนักเดินทาง คือการไปสู้เป้าหมายที่ตั้งไว้ มันคงจะไม่เกิดประโยชน์อะไร  ถ้าผมจะเก็บมันไว้คนเดียว    

   แสงแดดอ่อนๆ ที่สะท้อนลงมาจากกิ่งก้าน ต้นไม้ใหญ่ ให้ความรู้สึกที่อบอุ่น ตลอดทางเดินของหมู่บ้าน ทำให้สองเท้าที่ก้าวเดินไม่เหนื่อยล้าเลยสักนิด ลมเย็นๆที่โชยมา  ทำให้ต้องเอามือทั้งสองข้าง กอดอกไว้แน่น อากาศเริ่มหนาวแล้ว หมู่บ้านแห่งได้ชื่อว่ามีอากาศเย็นตลอดปี  สำหรับท่านใดที่ชื่นชอบท้าลมหนาว ผมบอกได้เลยว่า เตรียมหาวันหยุด แล้วเก็บกระเป๋าได้เลย    



 ...  ถ้าจะบอกไปว่าที่นี้เป็นเมืองทะเลหมอกก็ว่าได้  “ จุดชมวิว กิ่วฝิ่น ” 
ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถ้ามาจากหมู่บ้านแม่กำปองถึงตรงนี้ก็ใช้ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร พอมาถึงจุดชมวิว สิ่งที่พีคไปกว่านั้นคือ  เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ถึง 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย  ลำปาง  ลำพูน เพราะตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของ 4 จังหวัดนี้  ถัดจากนี้ขอส่งต่อหน้าที่ให้ภาพได้เล่าเรื่อง    " ไม่ใช่แค่ภาพถ่าย แต่มันคือเรื่องราว "    




สายหมอกที่พาดผ่านสายตา มันเคลื่อนอย่างรวดเร็ว ใบไม้ปลิว พริ้วไหวพร้อมเสียงลมพัดเข้าหู รู้สึกตัวอีกที " ตอนนี้ผมก็หลับตา โต้ทะเลหมอกไปแล้ว "  จะไม่ให้เคลิ้มได้ยังไง ทั้งอากาศที่เย็นเป็นใจ เสียงสวรรค์จากธรรมชาติ นับว่าเป็นของขวัญชิ้นพิเศษของวันใหม่ ณ จุดชมวิว " กิ่วฝิ่น "  


ลงมาจากจุดชมวิว ก็ไม่พลาดที่จะลิ้มรสบรรยากาศ  "  ร้านชมนกชมไม้ "  เป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟที่ผมการันตีความสวย ทีเด็ดของร้านนี้ ตั้งอยู่ในหุบเขา ตัวร้านทำจากไม้ทั้งหมด ดูเรียบง่าย มีระเบียงไม้ยื่นออกไป ได้อารมณ์เหมือนเรายืนอยู่หน้าผา เป็นร้านกาแฟที่ได้รับความนิยมสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติเป็นอย่างมาก นั่งจิบกาแฟท่ามกลางธรรมชาติ เป็นบรรยากาศที่ชวนให้หลงใหล มีเสน่ห์มากๆ  


ตบท้ายทริป  ... ความชิคแบบขั้นเทพ  ที่ต้องเดินข้ามสะพานแขวนเชื่อมทางระหว่างถนนไปสู้ร้านกาแฟ ที่มีคอนเซ็ปต์การสร้างแบบไม่ธรรมดา เพราะสร้างบนต้นไทรขนาดใหญ่ ให้มุมมองความเป็นธรรมชาติที่มากกว่า ราวกับว่า เราหลุดไปอีกโลกหนึ่งก็ว่าได้ ( อารมณ์เหมือนดูการ์ตูนที่มี ตัวละคร ตัวเล็กๆ มีบ้านอยู่บนต้นไม้ ) เป็นร้านกาแฟที่มีความฮอตฮิตในโลกโซเชี่ยว นักท่องเที่ยว ใกล้ไกล ต่างหลงไหล มาเช็คอิน " ร้านกาแฟ เดอะ ไจแอ้นท์ เชียงใหม่ "   



 แผนที่สำหรับการเดินทาง เพื่อจะช่วยเป็นไกด์ครับ  

ขอขอบคุณแรงบันดาลใจ จาก รายการเทยเที่ยวไทย 

้างอิงข้อมูลจาก





วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เมืองฮาโกเน่ (Hakone) ประเทศญี่ปุ่น

ฮาโกเน่ เสน่ห์เมืองสวยริมทะเลสาบอะชิ



     เมืองฮาโกเน่ (Hakone) คืออีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเขตอาชิงาระชิโมะ (Ashigarashimo District) จังหวัดคานางาวะ (Kanagawa Prefecture) ประเทศญี่ปุ่น (Japan) ตั้งอยู่บริเวณเชิงทิวเขาฮาโกเนะ ( Hakone Pass) ด้านตะวันออก โดยเมืองฮาโกเนะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีผู้มาเยือนเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างประเทศเดินทางมาเพื่อพักผ่อนตามรีสอร์ทและสปา หรือเพื่อเยี่ยมชมทิวทัศน์ภูเขาที่รายรอบเมือง 





     ฮาโกเน่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม โดยเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ ฟูจิ-ฮาโกเน่-อิสึ ( Fuji-Hakone-Izu National Park) ที่ผู้มาเยือนสามารถชื่นชมความงามแห่งธรรมชาติ และดอกไม้นานาพันธุ์หลากสีสันที่เบ่งบานตลอดทั้งปี ทิวทัศน์ที่สวยงามหลากหลาย รวมไปถึงภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) ทะเลสาบอะชิ (Lake Ashi) และ โอวาคุดานิ


     ฮาโกเน่ได้รับการบันทึกเอาไว้ว่าเป็นด่านตรวจของถนนเก่าแก่โทไกโดที่เชื่อมต่อระหว่างภาคตะวันตกและภาคตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น ในเมืองฮาโกเน่มีตึกโบราณหลายแห่งให้ผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ได้เยี่ยมชม รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวอันเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมพื้นบ้านเก่าแก่ของญี่ปุ่น 

     ฮาโกเน่มีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็นแหล่งน้ำพุร้อน ที่แปลกไปกว่านั้นคือ มีจำนวนน้ำพุร้อนมากถึง 17 แห่ง เมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่เล็กๆ แห่งนี้ น้ำพุร้อนของฮาโกเน่ได้รับความนิยมในฐานะเป็นสถานที่สร้างความผ่อนคลาย รวมไปถึงบริการแช่น้ำพุร้อนแบบไปชั่วคราวที่มีอยู่มากมายหลายแห่ง นอกเหนือไปจากน้ำพุร้อนภายในโรงแรมและสถานที่พักตากอากาศแบบค้างคืนสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้เวลาอย่างเต็มที่ 



     การเดินทางมายังฮาโกเน่ จากโตเกียวสามารถทำได้อย่างง่ายดาย เครือข่ายการคมนาคมที่ได้รับการพัฒนามาอย่างเพียบพร้อมทำให้การมาถึงยังฮาโกเน่เป็นไปอย่างสบายและราบรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถไฟสายฮาโกเน่โทซังและฮาโกเน่โทซังบัสซึ่งให้บริการตลอดเวลา ทำให้การเดินทางไปเที่ยวจุดต่างๆ ภายในฮาโกเน่เป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย 



     คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันกว้างขวางโดยรอบได้จากรถไฟสายฮาโกเน่โทซัง เนื่องจากมันอยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ ทั้งฮาโกเน่โทซังเคเบิลคาร์ และฮาโกเน่โรปเวย์ยังนำคุณขึ้นไปสูงถึง 700 ถึง 1,000 เมตรเหนือพื้นดิน และยังมีเรือชมวิวฮาโกเน่ที่จะพาคุณไปชมทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาไฟฟูจิผ่านทางทะเลสาบอะชิ คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับการชื่นชมทัศนียภาพได้หลากหลายรูปแบบโดยวิธีการเดินทางต่างๆที่แตกต่างกันเหล่านี้



 
 ล่องเรือโจรสลัดท่องทะเลสาบอะชิ


เส้นทางการเดินเรือจะวิ่งวนเป็นวงกลมคือ Togendai - Motohakone-ko – Hakonemachi โดยเรือจะวิ่งวนเป็นรอบ ใช้เวลาประมาณรอบละ 70 นาที เรือเที่ยวสุดท้ายออกจากท่าเรือ Togendai เวลา 16.00 น. โดยเมื่อเดินทางถึงอีกท่าเรือหนึ่งและส่งคนบนเรือขึ้นฝั่งเสร็จเรือจะไม่จอดรอครับ จะออกไปอีกท่าหนึ่งเลย (บริหารเวลาให้ดีนะครับ เดี๋ยวจะตกรถเที่ยวสุดท้ายกันได้ :] )




เรือทุกลำจะมีดาดฟ้าให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นมาเดิน ยืนชมวิวชนยอดเสากระโดงเรือ หรือถ่ายรูปเล่นได้ แต่อยากจะบอกว่าข้างบนดาดฟ้าเรือลมแรงและหนาวมาก หากใครเดินทางมาช่วงหน้าหนาว หรืออากาศเย็น อย่าลืมเตรียมถุงมือมาใส่นะครับ เดี๋ยวมือจะแข็งเอาได้

เรือชมทะเลสาบมีทั้งหมด 4 ลำ แต่ละลำจะมีธีมในการตกแต่งที่ต่างกัน The Royal สีแดง แต่งเป็นเรือโจรสลัด, The Vasa สีเขียว จำลองเป็นเรือรบสวีเดน มีรูปปั้นสิงโตอยู่ที่หน้าเรือ, The Frontier สีขาว แต่งเป็นเรือรบอังกฤษ มีกังหันสีแดงฉูดฉาดแบบเรือกลยุคโบราณอยู่ท้ายเรือ และ The Victory สีน้ำตาล ตกแต่งเป็นเรือรบอังกฤษโบราณครับ






รับชมการท่องเที่ยวในเมืองฮาโกเน่ ได้เพิ่มเติมอีกในคลิปนี้นะคร้าบ

                                           https://www.youtube.com/channel/UC1ohT23Ouf5CqWz8nUXAVaA

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://th.japantravel.com/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2/%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B4/9027

http://travel.thaiza.com/%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%88-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B4/254047/


https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B4

https://www.facebook.com/JagaurFoto/ [ รูปจากเพจแอดมินเอง^^]


วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ชุมชนริมคลองบางหลวง

ชุมชนริมคลองบางหลวง


ชุมชนริมคลองบางหลวง 

     คือชุมชนเก่าแก่ริมน้ำ ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา  คลองบางหลวง หรือ คลองบางกอกใหญ่ เดิมเคยเป็นแม่น้ำ เจ้าพระยาสายเดิมมาก่อน แต่เพราะเป็นแม่น้ำช่วงที่โค้งอ้อมกินบริเวณกว้าง เวลาแล่นเรือผ่านมาจึงทำให้เสียเวลาในการเดินทางไปมาก ครั้งนั้น สมเด็จพระชัยราชาธิราชพระมหากษัตริย์ ในแผ่นดิน กรุงศรีอยุธยาจึงโปรดเกล้าฯให้มีการขุดคลองลัดขึ้น ในปี พ.ศ.2065 เพื่อร่นระยะทางและ ระยะเวลาสำหรับบรรดาพ่อค้าต่างชาติที่จะมาค้าขายเจริญ สัมพันธไมตรีกับอาณาจักรอยุธยา 


     ภายหลังจากขุดคลองแล้ว คลองที่ขุดกลับมีขนาดใหญ่โตขึ้นเพราะกระแสน้ำไหลมากัดเซาะชายฝั่งให้กว้างขึ้น ขณะที่แม่น้ำสายดั้งเดิมค่อยๆ เล็กลง กลายสภาพเป็นคลองสายหนึ่งเท่านั้น ปัจจุบันปากคลองทางฝั่งโรงพยาบาล ศิริราชเรียกกันว่า คลองบางกอกน้อย ส่วนปากคลองอีกด้านหนึ่ง ทางป้อมวิไชยประสิทธิ์เรียกกันว่า "คลองบางกอกใหญ่"  ส่วนเหตุที่เรียกคลองบางกอกใหญ่ว่าคลองบางหลวงก็เนื่องจาก เมื่อคราวที่สมเด็จพระเจ้า ตากสิน มาสร้างราชธานีใหม่ที่กรุงธนบุรีนั้นข้าราชการขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายต่อหลายท่านมาจับจองสร้างบ้านกัน อยู่ริมคลอง บางกอกใหญ่ เพราะเป็นบริเวณใกล้เคียงกับพระราชวังกรุงธนบุรี ชาวบ้านจึงเรียกคลองแถบนี้อีก ชื่อหนึ่งว่า "คลองบางข้าหลวง" และเหลือเพียง "คลองบางหลวง" ในที่สุด


ร้านค้าและบ้านไม้ที่น่าสนใจชุมชนริมคลองบางหลวง ... ^^

บ้านศิลปิน

เป็นบ้านเก่าของ "ตระกูลรักสำรวจ" ตระกูลช่างทองเก่าแก่ ซึ่งทายาทรุ่นสุดท้ายได้ขายบ้านหลังนี้ ให้กับคุณชุมพลอักพันธานนท์ เพื่อปรับปรุงให้เป็น สถานที่แสดงงานศิลป์ เป็นที่รวมตัวของของ กลุ่มศิลปินที่รัก งานศิลปะ บ้านศิลปินเป็นอาคารไม้ทรงมะนิลารูปตัวแอลที่สร้างล้อมรอบเจดีย์เก่าซึ่ง เป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง สันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในสี่ของเจดีย์แต่ละทิศที่กำหนดเขตพื้นที่เก่าของวัด กำแพง ด้านบนของตัวอาคารเปิดเป็น แกลเลอรี่ แสดงงานศิลปะทั้งภาพวาดและภาพถ่ายให้ ได้ชมกัน ถือเป็นบ้านไม้แห่งแรกที่ปลุกชีวิตให้ชุมชนคลอง บางหลวงให้กลับมาคึกคักอีกครั้งถือเป็น ไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ บ้านศิลปินเป็นอาคารไม้ทรงมะนิลา รูปตัวแอล ที่สร้างล้อมรอบเจดีย์เก่าซึ่งเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง สันนิษฐานว่า เป็นหนึ่งในสี่ของเจดีย์แต่ละทิศ ที่กำหนดเขตพื้นที่เก่าของวัดกำแพง ภายหลังอาคารหลังนี้ได้ถูกปรับปรุงใหม่โดยกลุ่มศิลปิน เพื่อเป็นที่รวมตัวของผู้ที่ ทำงานและรักงานศิลปะ โดยยังคงสภาพเก่าของตัวอาคารไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เพราะเจ้าของตั้งใจจะทำทุก อย่างให้กลมกลืนกับชุมชนด้านบนของ ตัวอาคารเปิดเป็นส่วนแสดงงานศิลปะทั้งภาพวาดและภาพถ่ายให้ได้ชมกัน ส่วนด้านล่างแบ่งเป็นพื้นที่ ทำงานศิลปะต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีการทำเครื่อง ประดับรวมอยู่ด้วย โดยผู้ดูแลบ้านศิลปินเล่าว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้ ทำ เครื่องประดับเป็นของเก่าที่อยู่กับอาคารหลังนี้ตั้งแต่สมัยก่อน และทุกวันนี้ยัง สามารถใช้ได้จริง ทุกๆวันอาทิตย์ ที่นี่จะมีการฝึกอบรมอาชีพการทำเครื่องประดับให้กับผู้ที่สนใจฟรีโดยไม่คิดค่าอบรม ด้านล่างแบ่งเป็นมุมขายของ ที่ระลึกและโปสการ์ด มีมุมร้านกาแฟให้ได้สั่งเครื่องดื่มมานั่งจิบพร้อม ชมวิวทิวทัศน์ ริมคลอง เรานั่งรับลมที่พัดเอื่อยๆ เย็นสบายมองคนที่อยู่บ้าน ฝั่งตรงข้าม กำลังให้อาหารปลาอย่างเพลิดเพลิน บางช่วงจะมีเรือหางยาวพานักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติมาทำความรู้จักกับสถานที่เก่าๆ ในเมืองกรุง คนบนเรือหลายคนยิ้มและโบกมือทักทายให้คนบนฝั่ง เป็นภาพที่น่ารักและช่วยให้ผ่อนคลาย เหมือนที่ตั้งใจไว้แต่ แรกจนแทบลืมดูเวลา กัน เลยทีเดียวอ่านและอิ่มแบบมีสไตล์ นอกจากนี้ที่บ้านศิลปินยังหุ่นละครเล็ก คลองบางหลวง ซึ่งเปิดให้ชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ชมรายละเอียดได้ที่

สบายๆริมน้ำ



แกลเลอรี่ถ่ายภาพ และ งานศิลป์มากมาย








หุ่นสำหรับแสดงหุ่นละครเล็กคลองบางหลวง และ บรรนากาศภายใน



บ้าน ศ.จิตรกร 

บ้านเก่าแก่ที่โชว์งานศิลปะต่างๆ  รวมทั้งรับวาดภาพเหมือนโดยใช้เวลาเพียง 15 นาที


ร้านบ้านของเล่น

ร้านขายกาแฟเครื่องดื่มและของเล่นมากมายในสมัยอดีต อีกมุมหนึ่งของร้านก็จะขายกาแฟเครื่องดื่มด้านหน้าตกแต่งด้วย ของโบราณเช่นปิ่นโต รุ่นเก่าหลายขนาด  กระป๋องนมตราหมีโบราณ มีที่ให้นั่งรับประมานริมน้ำแบบสบายใจ รวมทั้งมีของประดับตกแต่ง ต่างๆ ที่น่าสนใจ





รายละเอียดเพิ่มเติมคลองบางหลวง


     นักท่องเีที่ยวสามารถเยี่ยมชม ชุมชนริมคลองบางหลวงได้ทุกวันประมาณ 9 โมง - 6 โมงเย็น แต่ถ้ามาในวันธรรมดาร้านบ้างร้านปิด     บ้านศิลปินวันจันทร์ - ถึงอังคาร เปิดตั้งแต่ 10.00-18.00 น. , วันพุธ - วันพฤหัส เปิดตั้งแต่ 09.00-18.00 นวันเสาร์ - ถึงอาทิตย์ เปิดตั้งแต่ 09.00-19.00 น  

การเดินทางไปคลองบางหลวง

สำหรับคนที่สนใจไปเยี่ยมชมชุมชนคลองบางหลวง สามารถเดินทางได้หลายวิธี 
- หากขับรถมาเองให้จอดรถที่วัดคูหาสวรรค์ สุดซอยเพชรเกษม 28 จากวัดให้เดินเลียบคลองมาเรื่อยๆ จะพบกับบ้านเรือน ร้านค้าต่างๆ หรือจะจอดรถ ที่วัดกำแพง (บางจาก) อยู่สุดซอยเพชรเกษม 20 ก็ได้จากนั้นให้เลี้ยวซ้าย เดินเลียบคลอง เป็นทางเดินเล็กๆ ขึ้นสะพาน แล้วจะเจอตรอกทางขวามือ เพื่อเดินไปทางสะพานคลองบางหลวงน้อย - ถ้าใช้บริการขนส่งมวลชนมุ่งหน้ามาที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 3 จากนั้นใช้บริการนั่งรถสองแถวสีแดงจากปากซอย หรือนั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามาจนสุดซอย จะเห็นซอยเล็กๆ ให้เดินเข้าไปจะเจอสะพานคลองบางหลวงน้อย ส่วนใครที่สนใจมาทางเรือก็สามารถเหมาเรือจากท่าช้างมายังคลองบางหลวงได้ ถือเป็นการเดินทางที่ได้อารมณ์ย้อนยุคอย่างยิ่ง

รับชมวีดีโอ กันเล็กน้อยหน่อยน้าาา ^^



สำรอง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.paiduaykan.com/province/central/bangkok/klongbangluang.html

https://www.youtube.com/channel/UCPIWNPYYE1EhnSliTb-4CXg

https://www.facebook.com/JagaurFoto/